วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

โฟลิก...ต้องเริ่มก่อนตั้งครรภ์

กรดโฟลิก หรือ โฟเลต วิตามินชนิดหนึ่งในกลุ่มที่ละลายในน้ำ
ในทางวิชาการพบว่าหญิงวัยเจริญพันธุ์เหมาะสมที่สุดที่จะเริ่มกินโฟลิกก็เพื่อเป็นการเตรียมการล่วงหน้าที่จะเสริมสร้างและป้องกันไม่ให้ลูกที่เกิดมาเป็นโรคต่างๆ ได้ง่ายค่ะ

กรดโฟลิกหรืออีกชื่อหนึ่งที่ใช้เรียกกันทั่วไปว่า "โฟเลต" จัดเป็นวิตามินชนิดหนึ่งในกลุ่มที่ละลายในน้ำ ในร่างกายกรดโฟลิกมี บทบาทสำคัญเกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์ดีเอ็นเอ ซึ่งเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของเซลล์ต่างๆ และมีบทบาทในการสร้างสารคาร์บอน ซึ่งเป็นกลไกการทำงานของดีเอ็นเอในการถ่ายทอดคำสั่งทางพันธุกรรมเพื่อสร้าง โปรตีนชนิดต่างๆ รวมทั้งการควบคุมการเจริญเติบโตและพัฒนาการของทารก


เมื่อตั้งครรภ์..โฟลิกกลับลดลง

ภายหลังการปฏิสนธิโดยการผสมของไข่จากแม่ และสเปริ์มจากพ่อจะเกิดเป็นเซลล์ที่มีความครบถ้วนสมบูรณ์ของสารพันธุกรรม หลังจากนั้นจากเซลล์ๆ เดียวจะมีการแบ่งตัวเพิ่มปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับการก่อรูปของอวัยวะระบบต่างๆ จนเป็นทารกที่สมบูรณ์ การตั้งครรภ์จึงต้องมีการสร้างสายดีเอ็นเอและโปรตีนเพื่อเป็นองค์ประกอบของเซลล์และเนื้อเยื่อของระบบต่างๆ จำนวนมาก ดังนั้นจึงมีความต้องการกรดโฟลิกเพิ่มมากขึ้นคิดเป็นจำนวนประมาณ 2 เท่าของคนปกติ

ซึ่งในขณะที่ร่างกายมีความต้องการกรดโฟลิกมากขึ้น กลับพบว่าในขณะตั้งครรภ์ลำไส้สามารถดูดซึมกรดโฟลิกจากอาหารได้ลดลงและมีการสูญเสียกรดโฟลิกทางปัสสาวะมากกว่าปกติ ทำให้พบการขาดกรดโฟลิกในสตรีตั้งครรภ์ได้สูงกว่าคนปกติทั่วไป

ในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา วงการแพทย์และโภชนาการให้ความสนใจกรดโฟลิกนี้มาก เนื่องจากมีรายงานการศึกษาโดยการตรวจหาระดับกรดโฟลิกในเลือดของมารดาขณะตั้งครรภ์พบว่ามีมารดาที่มีระดับกรดโฟลิกใน เลือดต่ำได้ถึงร้อยละ 25 ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดความผิดปกติของพัฒนาการของสมองและระบบประสาทของ ทารก เพราะในภาวะปกติสมองและระบบประสาทจะเจริญและพัฒนาโดยเริ่มจากแผ่นเนื้อเยื่อ ระบบประสาทแล้วม้วนตัวเป็นท่อเรียกว่าหลอดประสาทซึ่งมีสองปลาย

ต่อ มาปลายหลอดประสาททั้งสองด้านจะปิดโดยปลายท่อด้านหัวจะพัฒนาเป็นส่วนของสมอง ส่วนปลายด้านหางก็จะพัฒนาเป็นประสาทไขสันหลัง ในกรณีที่มารดามีระดับกรดโฟลิกใน เลือดต่ำ จะมีผลทำให้ปลายท่อหลอดประสาททั้ง 2 ด้านไม่ปิด จึงเกิดความพิการของสมองและประสาทไขสันหลัง ซึ่งมีความรุนแรงได้แตกต่างกันหลายระดับ


ทารกที่ขาด "โฟลิก"

ในรายที่เป็นมากจะทำให้ทารกคลอดออกมาโดยไม่มีเนื้อสมอง จึงไม่สามารถมีชีวิตรอดอยู่ได้และจะเสียชีวิตในเวลาไม่นานหลังคลอด ส่วนรายที่เป็นน้อยจะพบความพิการของประสาทไขสันหลัง โดยการเกิดความผิดปกติดังกล่าวมีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องร่วมด้วย

ปัจจัยที่สำคัญได้แก่ การมีความผิดปกติที่บางตำแหน่งของยีนส์ ซึ่งซ่อนอยู่ในประชากรทั่วไปได้ระหว่างร้อยละ 5-25 ความ

ผิดปกตินี้จะไม่แสดงอาการใดๆ แต่มีผลต่อเมตาบอลิซึมของกรดโฟลิกในร่างกาย ทำให้มีสารโฮโมซิสทีนในเลือดสูงขึ้นและ
มีกรดโฟลิกต่ำลง

นอก จากนี้อาจมีปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม เช่น การได้รับความร้อนในระยะเวลาสั้นๆ จากการเป็นไข้ การประคบด้วยกระเป๋าน้ำร้อนหรืออบซาวน่า รวมทั้งการได้รับยาป้องกันโรคลมชักบางชนิด ซึ่งมารดาที่มีปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ หากได้รับกรดโฟลิกเพิ่มจากอาหารปกติอีกวันละ 400 ไมโครกรัม ในรูปของยาหรืออาหารที่เสริมด้วยกรดโฟลิก จะสามารถป้องกันหรือลดการเกิดความพิการดังกล่าวได้

 คุณแม่ทั้งหลายสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
http://www.momypedia.com/knowledge/pregnancy/detail.aspx?no=6801
ขอขอบคุณข้อมูลจาก  http://www.momypedia.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น