วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ธรรมเนียมนิยมแม่ท้อง จำเป็นจริงหรือ...

ในปัจจุบันนี้เวลาคุณแม่ตั้งครรภ์ จะ ว่าเป็นแฟชั่นหรือธรรมเนียมปฏิบัติไปแล้วก็ไม่ทราบได้ แต่ว่าส่วนมากคุณแม่ก็จะทำสิ่งต่างๆ ที่คุณแม่สมัยก่อนไม่ค่อยได้ทำ เช่น จะต้องหาอาหารเสริมมารับประทาน ต้องมีการเสริมพัฒนาการลูกในท้อง ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยกับลูก เปิดเพลงให้ลูกในท้องฟัง ต้องออกกำลังกายพิเศษ ต้องทำโยคะ เวลาคลอดจะต้องผ่า มีฤกษ์มียามในการคลอดและ ต้องบล็อคหลังไม่ดมยาหรือต้องดมยาไม่บล็อคหลัง สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่หมอถูกถามเป็นประจำว่าจำเป็นจริงหรือเปล่า หรือว่ามีประโยชน์หรือโทษอะไรไหม

ถ้าถามว่าทำไปทำไม ส่วนมากก็จะตอบคล้ายๆ กันว่าเพราะอยากให้ลูกแข็งแรงเฉลียวฉลาด ส่วนตัวเองก็กลัวว่าจะคลอดยาก กลัวเจ็บตอนคลอ และสุดท้ายก็กลัวตายนั่นแหละ

ถ้า ลองคิดดู หมอว่าถ้าคุณแม่จะทำให้ครบทุกอย่างตามคำแนะนำข้างต้น ซึ่งอาจจะเป็นคำแนะนำจากเพื่อนฝูง สื่อโฆษณา หรือหนังสือ ผมว่าวันๆ คุณแม่คงไม่ต้องทำการทำงานอะไรแน่เลย เพราะแค่จะทำให้ครบตามคำแนะนำก็น่าจะเหนื่อยแทบขาดใจแล้ว บางรายอาจจะเครียดหรือใกล้บ้าก็เป็นได้ถ้าเป็นคนวิตกจริตอยู่แล้ว ที่อยากจะบอกอีกอย่างก็คือ การทำอะไรสารพัดอย่างที่ว่านี้ไม่ใช่จะได้มาฟรีๆ นะครับ ส่วนมากเสียเงินทั้งนั้น แล้วก็แพงเสียด้วย กว่าจะคลอดบางคนอาจจะจนไปเลยก็มีครับ

คุณ แม่บางคนพอไม่ได้ทำสิ่งเหล่านี้ก็จะรู้สึกว่าตัวเองตกรุ่นไม่ทันสมัย บางคนถึงกับเป็นปมด้อยเลยก็มี เพราะสู้เพื่อนไม่ได้ หมอชักจะงงๆ เหมือนกันว่าเวลาคนเราจะตั้งท้องมีลูกซักคนจะต้องทำอะไรให้ทันสมัยด้วยเหรอครับ มีลูกไม่ใช่แฟชั่นหรือประกวดอะไรนะครับ
ที่หมอจะมาชวนคุยครั้งนี้ ก็คือข้อมูลเกี่ยวกับข้อแนะนำต่างๆ ข้างต้น จริงๆ แล้วมันน่าจะเป็นอย่างไรกัน

อาหารการกิน
มีคุณแม่ไม่น้อยเลือกซื้ออาหารเสริมหรือยาบำรุงมากินโดยดูหรือฟังจากโฆษณา ซึ่งดูน่าเชื่อถือก็จะเคลิ้มตาม โดยเฉพาะถ้าอาหารเสริมหรือ ยาบำรุงที่ว่ามีชื่อดูโก้เก๋หรือแปลกๆ เช่น กรดโน่น สารนี่ ก็มักจะเรียกศรัทธาได้มากกว่าอาหารที่คุ้นเคย อย่างถ้าแนะนำให้กินกล้วยน้ำว้าหรือฟักทอง คุณแม่หลายคนคงเมินหน้าหนี เพราะฟังแล้วกิ๊กก๊อกมาก ผมอยากจะเรียนสั้นๆ ว่า สารพัดอาหารที่คุณแม่รับประทานเข้าไป ไม่ว่าจะชื่ออะไรก็ตามทางหลักโภชนาการก็ยังคงแบ่งออกได้เป็น 6 กลุ่มอยู่ดี ประกอบไปด้วย โปรตีน คาร์โบโฮเดรต ไขมัน เกลือแร่ วิตามินและน้ำนั่นเอง ซึ่งทุกอย่างก็จะมีอยู่ในอาหารที่กินกันในชีวิตประจำวันทั้งสิ้น

สิ่ง ที่อยากจะแนะก็คือขอให้คุณแม่กินอาหารโปรตีน ซึ่งได้แก่อาหารพวกเนื้อสัตว์ให้มากขึ้น อาหารคาร์โบไฮเดรต ซึ่งเป็นอาหารประเภทแป้งและน้ำตาลควรลดปริมาณลงเพราะทำให้อ้วนง่ายและร่าง กายไม่ค่อยใช้ทำประโยชน์อะไร สำหรับไขมันบางอย่างก็ควรจะลด เช่น ไขมันจากสัตว์ น้ำมันสัตว์ แล้วไปเพิ่มไขมันจากพืช จากปลาทะเล สาหร่ายทะเลแทน เพราะอาหารพวกหลังนี้มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่มีประโยชน์ในการบำรุงสมองลูก ผักผลไม้ก็ควรกินให้มากขึ้นเพราะมีวิตามินหลายชนิดอย่างครบถ้วน ที่จำเป็นต้องกินเพิ่มเติมเป็นพิเศษก็คือธาตุเหล็กและแคลเซียม ซึ่งส่วนมากเวลาไปฝากท้องคุณหมอที่ดูแลก็จะสั่งให้กินในรูปของยาบำรุงอยู่แล้ว

ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ว่ามีอาหารเสริมอะไรที่จะทำให้ลูกของคุณเฉลียวฉลาดมากขึ้นอย่างแน่ชัด เพราะ ฉะนั้นอย่าไปกังวลใจกับเรื่องนี้มากเลยนะครับ กินอาหารให้ ครบ 6 หมู่ก็น่าจะพอแล้ว ผมเคยดูแลคุณแม่จำนวนไม่น้อยที่สรรหาสารพัดอาหารมากิน แต่ก็เห็นลูกก็มีสติปัญญาปกติและมีไม่น้อยด้วย

 คุณแม่ทั้งหลายสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
http://www.momypedia.com/knowledge/pregnancy/detail.aspx?no=20300
ขอขอบคุณข้อมูลจาก  http://www.momypedia.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น